หลวงพ่อนานตำนานเกษตรอินทรีย์ พระที่พึ่งของประชาชน

Post Reply
Nadda
Posts: 258
Joined: Tue 05 May 2009 8:20 pm

หลวงพ่อนานตำนานเกษตรอินทรีย์ พระที่พึ่งของประชาชน

Post by Nadda »

surin2-105-1-1.jpg พระครูพิพิธประชานาถ หรือหลวงพ่อนาน แห่งวัดสามัคคี ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้เกี่ยวข้องว่าเป็น พระที่พึ่งของประชาชน

ประวัติของหลวงพ่อนานมีบันทึกไว้หลายแห่งรวมทั้งในหนังสือชื่อ “หลวงพ่อนาน สงบนิ่ง เพื่อสร้างสรรค์” โดยพิทยา ว่องกุล พิมพ์โดยสำนักพิมพ์หมู่บ้าน มูลนิธิหมู่บ้าน หลวงพ่อนานเป็นพระสอนวิปัสสนากรรมฐานที่พยายามแก้ทุกข์ของชาวบ้านที่อดอยาก ยากจนด้วยการส่งเสริมให้ตั้งสหบาลข้าว ระดมทุน ตั้งกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ และอื่น ๆ

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2530 ภิกษุผู้เห็นความทุกข์ของชาวอีสาน และเป็นภิกษุนักพัฒนาของจังหวัดสุรินทร์ราว 20 รูป ได้ประชุมกันที่วัดสามัคคีเพื่อระดมความคิดในการแก้ปัญหาชาวบ้าน ภิกษุคณะนี้ได้ตั้งกลุ่มสหธรรมเพื่อการพัฒนา มีหลวงพ่อนาน เป็นประธาน กลุ่มสหธรรมพัฒนาเป็นเหมือนแสงธรรมส่องสว่างนำหมู่บ้านไปสู่การพัฒนา โดยพัฒนาทั้งเศรษฐกิจและจิตใจคู่กัน โดยมีธรรมะเป็นเครื่องนำ

เมื่อพูดถึงปราชญ์ที่คนทำงานด้านเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติให้ความเคารพนับถือ หนึ่งในนั้นต้องมีหลวงพ่อนานอยู่ด้วย

หลวง พ่อนานเป็นผู้จุดประกายความคิดให้ชาวสุรินทร์สนใจการทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายพระแม่โพสพ ทำให้มีสติในการทำเกษตรมาจนทุกวันนี้

หลวง พ่อทดลองทำเกษตรอินทรีย์มาเกือบสามสิบปี เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแบบอย่างให้ชาวสุรินทร์ทำตาม จนจังหวัดสุรินทร์กลายเป็นแห่งผลิตข้าวอินทรีย์แหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ ประเทศไทย

ข้าวหมอมะลิจากจากสุรินทร์ส่งออกไปต่างประเทศเป็นที่โด่งดัง

"อาตมาผลิตเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี 2525 ชาวสวิตเซอร์แลนด์ โลธ่ามาติดต่ออาตมาปี 34 35 ก็ได้ส่งไปแล้ว เกษตรอินทรีย์เริ่มต้นแล้ว ตอนนั้น กำลังเรียนรู้ ทำไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์เรื่อยๆ จนในที่สุด สามารถทำให้มีรสชาติฟื้นขึ้นมาได้ใหม่

สิ่งเหล่านี้ มันไม่ไปไหน อยู่ตรงนี้แหละ พันธุ์พืชน่ะ เราจะแก้ไขตรงนี้ได้ไหม เพราะตัวเราเป็นตัวสำคัญที่สุด ที่ วิ่งตามโลกไปก็เพราะโลภ โกรธ หลง อาตมาพูดเสมอว่า ศาสนาเป็นบิดามารดาแห่งสันติภาพในโลกนี้ มีแล้วหรือยัง ทุกคนที่นับถือศาสนา ทุกศาสนาก็ตาม มีธรรมะของศาสนา คำสอนของศาสนาแต่ละศาสนาอยู่ในใจแล้วหรือยัง มีแล้ว แสดงออกไหม การพูด การกระทำ ทุกอย่าง แสดงออกแล้วว่า เออ คนนั้นมีธรรมะ มีศาสนาอยู่ในตัว มีมั้ย ไม่ต้องไปติดป้ายอะไร ใบประกาศอะไรหรอก เพียงแต่เราทำขึ้นมาให้เขามองเห็น คนอื่นไม่เห็น ก็เห็นตนเอง ดังนั้น มาดูตนเอง มาฟังเสียงตนเอง มาดมกลิ่นตนเอง ลิ้มรสชาติตนเอง มาสัมผัสตนเอง ดีมั้ย? (ยิ้ม)

แล้วจะ อิ่มเอิบปีติสุข เพราะเรามีของดีมาแล้ว ทั้งเจ้าคุณทั้งหลาย จะเป็นบิดามารดา ครูบาอาจารย์ก็ตาม พันธุ์พืช พระแม่ธรณี คงคาก็ตาม อยู่ในใจเราหมดแล้ว คนอื่นเป็นไรล่ะ คนอื่นก็ต่างหาก ทำอย่างไรให้หมดเขา หมดเรา หมดกู หมดมึง แบบนี้ได้ไหม"
Post Reply