วิธีฝึกทองเลน - ธิเบต

Post Reply
Nadda
Posts: 258
Joined: Tue 05 May 2009 8:20 pm

วิธีฝึกทองเลน - ธิเบต

Post by Nadda »

ทองเลน คือ อะไร?

ทอง เลน คือ สมาธิ ที่ช่วยดึงพลังจักรวาลด้านลบ มาเปลี่ยนเป็นพลังจักรวาลด้านบวก ด้วยหลักการให้และรับ กล่าวคือ เราจะรับแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในตัวเรา เพื่อแผ่สิ่งที่ดีงามในตัวเราออกไปเท่านั้น เราจะไม่ต้องการรับสิ่งดีใดๆ เราจะให้แต่สิ่งดีๆ ที่เรามีแผ่ไปไพศาล เพื่อเก็บพลังจักรวาลด้านลบเข้ามาในตัวเราทีละน้อย ลดพลังด้านลบลง รักษาสภาวะของโลกให้ดีขึ้น แล้วแผ่พลังงานด้านลบที่มีอยู่ในตัวเราออกไปแทน โลกและจักรวาลก็จะมีแต่พลังด้านบวกที่ดีงาม ทั้งนี้ ระบบจิตวิญญาณ (ลมปราณ) ในร่างกายของผู้ฝึกต้องมีความพร้อมมากพอที่จะกระทำได้ (มีพื้นสมถะ) หาไม่เช่นนั้นแล้ว พลังด้านลบ เช่น พลังมารจะครอบงำจิตใจของผู้ฝึก จนทำให้ผู้ฝึกกลายเป็นมารไปได้เช่นกัน

ขั้นตอนการฝึก “ทองเลน”

๑) เพิ่มพลังด้านบวกให้ตนเองก่อน

พลัง จักรวาลมีสองลักษณะใหญ่ๆ คือ พลังด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือ พลังสร้างสรรค์ พลังแห่งความดีงาม พลังแห่งความเมตตากรุณา ด้านลบคือ พลังแห่งการทำลายล้าง พลังแห่งความชั่วร้าย พลังแห่งความโกรธอาฆาตแค้น ก่อนที่จะใช้พลังทองเลน จำต้องประจุพลังด้านบวกเข้าไปสู่จิตใจให้เต็มเปี่ยมเสียก่อน ด้วยการระลึกถึงคุณงามความดี, สิ่งดีงาม, สิ่งศักดิ์สิทธิ์, พระพุทธเจ้า, พระโพธิสัตว์ ฯลฯ จนจิตเกิดปีติเปี่ยมล้นในหัวใจ มีพละกำลังในการที่จะทำสิ่งดีงามแก่มวลสรรพสัตว์

๒) ฝึกใช้ทองเลนรักษาตนเอง

ด้วย การระลึกถึงตนเองที่บอบช้ำ มีความเจ็บปวดทางจิตใจ ได้รับสิ่งเลวร้าย และทุกข์ทนนานัปการมาตั้งแต่ในอดีต รื้อฟื้น ล้วงความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ในจิตเบื้องลึกออกมา อย่าให้ความทุกข์ความเจ็บปวดถูกซ่อนไว้ เพราะหากซ่อนไว้ มันจะปรากฏเป็นนิมิตยามจากโลก จะทำให้นิมิตเศร้าหมอง อาจต้องตกนรกได้ ในการดึงมันออกมาทำได้สองวิธี คือ หนึ่ง วิธีแบบ “รูปฌาน” ให้เข้าสมาธิ แล้วระลึกถึงภาพตนเองที่เคยทุกข์ หรือเพ่งภาพตนเองในอดีต แล้วหายใจเข้า ดึงเข้ามาอยู่ที่ๆ ลึกที่สุดในกายตน เช่น แกนกลางร่างกาย (สำหรับผู้ชำนาญวิชชากุณฑาริณี), บริเวณหัวใจหรือหน้าอก (สำหรับผู้ชำนาญในการรวมจิตที่จุดนี้) หรือ บริเวณท้องน้อยที่มีอาการยุบพอง (สำหรับผู้ชำนาญในการรวมจิตที่นี่) เมื่อมารวมกันแล้ว ให้พลังจิตสลายความทุกข์และเจ็บปวดนั้น พร้อมหายใจออก ให้รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับความทุกข์สลายไปพร้อมลมหายใจออก หากชำนาญใน “อรูปฌาน” ให้ใช้การระลึกเป็นนามธรรมก็ได้ หากชำนาญในการใช้คำบริกรรม ก็กำหนดเป็นคำบริกรรมก็ได้ เช่น หายใจเข้า ให้บริกรรม “เราทุกข์เพราะตกอับหนอ” (กรณีเราตกอับ) หายใจออก ให้บริกรรม “ความทุกข์สลายไปหนอ” อย่างนี้ก็ได้ หรือ หายใจเข้าระลึกสิ่งที่เข้ามาเป็นควันสีดำมารวมตัวตรงตำแหน่งต่างๆ ที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น แล้วหายใจออก ให้เปลี่ยนเป็นแสงสีทองแผ่ไปไพศาล ให้รู้สึกเบาสบาย สว่างไสว ไร้กังวล ขั้นตอนนี้ให้ฝึกจนชำนาญ ซึ่งอาจใช้เวลา ตั้งแต่ ๑ ถึง ๖ ปี ความทุกข์ต่างๆ ของเราจะหมดได้

๓) ใช้ทองเลนขจัดจิตใจให้บริสุทธิ์

ด้วย การระลึกถึงกิเลส ความหมองมัว สังโยชน์ หรือสิ่งที่ผูกรัดให้จิตใจไม่อิสระ หรือสิ่งที่คอยยั่วยุให้จิตใจไม่สงบ วิธีนี้ เทียบเท่ากับการทำ “วิปัสสนากรรมฐาน” อันนำไปสู่ขั้นตอนการบรรลุธรรม หลังจากที่ฟื้นฟูสภาพจิตใจตนเอง และฝึกปรือชำระจิตใจตนเองจนชำนาญแล้ว ให้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการขจัดกิเลสที่อยู่ในใจของตนเป็นขั้นต่อไป วิธีการคือ ค่อยๆ น้อมจิตระลึกถึงสิ่งที่ขัดขวางจิตใจ สิ่งที่เป็นอุปสรรคใจ สิ่งที่ทำให้จิตใจหมองมัว สิ่งที่ทำให้จิตใจเร่าร้อน ทีละหนึ่งอย่างไป เริ่มจากง่ายไปยาก เช่น ความลังเลสงสัยในพระธรรม คิดว่าเราจะโง่ศึกษาธรรมะไปทำไม ทำไมไม่ไปรีบหาเงินทองแข่งกับผู้อื่น เราทำสิ่งที่โง่เขลาอยู่หรือเปล่า นี่คือ วิจิกิจฉา ที่ขวางกั้นการบรรลุโสดาบันอย่างหนึ่ง ให้ดึงออกมาจากจิต เพื่อพิจารณาในสมาธิแบบวิธี “ทองเลน” หายใจเข้า รวมจิต น้อมจิตระลึกถึงความคลางแคลงสงสัยในธรรมะทั้งหมด มาไว้ตามตำแหน่งต่างๆ ตามที่ฝึกมา (เลือกตำแหน่งที่ถนัดตำแหน่งเดียว) แล้วหายใจออก พร้อมสลัดทิ้งความคลางแคลงใจให้หมดไป กลายเป็นความเชื่อมั่น หรือพลังด้านบวกที่ตรงกันข้ามแทน นี่คือ หัวใจสำคัญของวิชชาทองเลน คือ การเปลี่ยนพลังด้านลบเป็นบวก ใช้สิ่งตรงข้ามในการแก้กัน จนกิเลสทั้งหลายหมดสิ้น

๔) ใช้พลังทองเลนรักษาผู้อื่น

ใช้ วิธีเดียวกันกับที่รักษาตนเอง ตามที่ได้ฝึกมา ด้วยการระลึกถึงคนที่เราต้องการรักษา ไม่ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าเราหรือไม่ก็ตาม อาจใช้การเพ่งรูปภาพของเขา หรือระลึกภาพของเขาขึ้นในใจ (กสิณ) รับความไม่ดีไม่งามของเขา เข้ามาภายในตัวเราให้เต็มที่ ก่อนที่จะชำระให้สะอาดแล้วแผ่ออกไป การใช้พลังทองเลนนี้ สามารถขจัดความบอบช้ำทางใจ, คุณไสย, มนต์ดำ, พลังมารและอสูรที่ครอบงำผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจขจัดกิเลสแทนให้ผู้อื่นได้ แต่เพียงเท่านี้ ก็สามารถช่วยคนได้มากแล้ว

การ ฝึกจิตเพื่อขจัดกิเลสในตนเอง เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว สิ่งที่ควรกระทำต่อไป คือ การโปรดสัตว์ วิชชาทองเลนนี้ มีคุณค่าอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการมีวิชชาไว้ใช้ช่วยเหลือมวลสรรพสัตว์ นับเป็นวิชชาสาย “อภิญญา” ที่เกื้อประโยชน์แก่เหล่าสัตว์แตกต่างจากวิชชาอภิญญาอื่นๆ โดยแท้

โดย physigmund_foid
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=274989
Nadda
Posts: 258
Joined: Tue 05 May 2009 8:20 pm

Re: วิธีฝึกทองเลน - ธิเบต

Post by Nadda »

การทำทองเลนเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น จากประตูสู่สภาวะใหม่ ของ โซเกียล รินโปเช

จิตนาการถึงคนที่คุณรู้สึกใกล้ชิดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่กำลังทุกข์ร้อนและเจ็บปวด ขณะที่หายใจเข้าให้นึกว่าคุณได้รับเอาความทุกข์ร้อนและความเจ็บปวดทั้งหมด ของเขาด้วยจิตกรุณา ขณะที่หายใจออก ให้แผ่ความอบอุ่น การเยียวยา บำบัด ความรัก ปีติ และความสุขหลั่งไหลไปหาเขา

๑. ก่อนที่จะเริ่มการปฏิบัติดังกล่าว ให้นั่งสงบ น้อมนำกรุณาเป็นอารมณ์ อัญเชิญพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ทุกพระองค์ให้มาปรากฏ เพื่อทรงบัลดาลให้กรุณาบังเกิดขึ้นในใจคุณ

๒. จิตนาการให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าคนที่คุณใส่ใจอยู่นั้นกำลังทุกข์ยากต่อหน้า คุณ พยายามจิตนาการว่าความทุกข์ยากทั้งมวลของเขาผนึกรวมกัน เป็นกลุ่มควันดำคล้ำ สกปรก และร้อนผ่าว

๓. ทีนี้ให้คุณหายใจเข้า สร้างภาพในใจว่าพร้อมๆ กับที่ลมหายใจเข้า กลุ่มควันดำนี้ได้จางหายเข้าสู่แก่นแกนตัวตนจนไม่เหลือซาก เท่ากับเป็นการชำระล้างอกุศลกรรมทุกอย่างของคุณให้บริสุทธิ์

๔. คราวนี้ให้จิตนาการว่าความหลงไหลในตัวตนได้ถูกทำลาย และโพธิจิตของคุณได้เปิดเผยอย่างสมบูรณ์ ขณะที่คุณหายใจเข้าจินตนาการว่าคุณได้เปล่งรัศมีนวลใสแห่งสันติ ปีติ และความสุข รวมทั้งความผาสุกอย่างยิ่งแก่เพื่อนของคุณที่กำลังเจ็บปวด และจิตนาการว่ารัศมีดังกล่าวกำลังชำระอกุศลกรรมทั้งหลายของเขาให้บริสุทธิ์ ขณะที่หายใจเป็นปรกติ เข้าและออก ให้ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

http://www.budnet.info/notedead/notedead17.htm
Nadda
Posts: 258
Joined: Tue 05 May 2009 8:20 pm

Re: วิธีฝึกทองเลน - ธิเบต

Post by Nadda »

การฝึกทองเลน 4 ขั้น จากคุณ anakarik (http://board.palungjit.com)

1. ขั้นเตรียมตัวเอง

ให้หายใจเข้า ดึงพลังด้านบวกเข้ามา สะสมไว้ที่ใดที่ตนถนัดก็ได้ เช่น แกนสันหลังกลางกาย สำหรับผู้ฝึกกุณฑาริณี และท้องน้อย (จักระที่สอง)
สำหรับผู้ถนัดรวมจิตแบบยุบพอง และหน้าอก สำหรับผู้ถนัดรวมจิตที่จักระที่สี่ หรือ ตาที่สาม สำหรับผู้ถนัดรวมจิตที่จักระที่หก หรือกลุ่มผู้เพ่งกสิณ

ให้ฝึกร่วมกับอานาปานสติ กล่าวคือ หายใจเข้าดึงพลังบวกเข้ามารวมไว้หายใจออกแผ่พลังบวกออกไปไพศาลฝึกให้ชำนาญ พลังบวกในร่างกายจะมาก

2. ขั้นชำระตนเอง

ให้ฝึกชำระพลังด้านลบที่มีอยู่ในตัวเองก่อน ด้วยการจินตนาการว่ามีตัวเราอีกตัว ที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน ในอดีตที่สะสมไว้ในก้นบึ้งลึกๆ
ให้ดึงเขาคนนั้นออกมา แล้วให้ตัวเราอีกตัวที่มีพลังทองเลนเป็นตัวใหญ่ โอบอุ้มตัวที่มีพลังด้านลบไว้ แล้วดึงเข้ามาประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
จนความทุกข์ ความรู้สึกบอบช้ำความเป็นลบหายไป แผ่ออกไปเหลือแต่พลังบวก

ในการดึงพลังลบและบวกนี้ สามารถกำหนดจิตได้หลายวิธีตามถนัด เช่น

1. แบบรูปฌาน กำหนดเป็นรูป หมอกควันดำ สำหรับพลังลบ
และกำหนดเป็นแสงสีทองสว่าง สำหรับพลังบวก

2. แบบอรูปฌาน กำหนดเป็นการระลึก ความรู้สึกของ
ตนเองที่บอบช้ำ แล้วทำให้สลายกลายเป็นบวก

3. ใช้คำบริกรรม เช่น เคยอกหัก ก็บริกรรม หายใจเข้าว่า
"ทุกข์เพราะรักหนอ" หายใจออกบริกรรม "ทุกข์สลายไปหนอ"
พร้อมถอนหายใจออกยาวๆ จนโล่งอก

ชั้นตอนนี้ บางท่านอาจต้องฝึกถึง 6 ปี

3. ทำจิตให้บริสุทธิ์

ขั้นนี้ เทียบเท่ากับ "วิปัสสนากรรมฐาน" กล่าวคือเมื่อฝึกจนสมถะมีกำลังสูงมากแล้ว ก็ให้ยกจิตขึ้น
ล้วงดึงเอาสังโยชน์หรือกิเลสที่หมักหมมอยู่ก้นบึ้งลึกๆ ในใจตนออกมา อย่าซ่อนไว้ เพื่อเปลี่ยนสลายให้เป็นบวก

ใช้วิธีเดิม แต่เปลี่ยนเป็นการพิจารณากิเลสหรือสังโยชน์แทน จนจิตบริสุทธิ์

4. ขั้นโปรดสัตว์


เมื่อจิตตนเองบริสุทธิ์ได้แล้ว การดึงพลังทางลบเข้ามาจะไม่เป็นอันตรายมาก พราะสามารถขจัดได้หมด ทั้ง
ของดำ ไสยศาสตร์ และกิเลส การดึงแต่ละครั้ง จะได้แต่สิ่งที่ไม่ดี ทำให้ระดับจิตลดลง จำต้องฝึกปรือสมาธิ
ขจัดจิตให้บริสุทธิ์ตลอดเวลา แม้ว่าจิตจะบริสุทธิ์ไปแล้วก็ตาม

เพราะพลังด้านลบที่เข้ามาตลอดนี่เอง

เราสามารถเอาภาพคนที่กำลังก่อการร้าย มาเพ่งสมมุติว่าเราเป็นเขา แล้วดึงความชั่วร้ายของเขาออกมา
พลังอสูรในร่างของเขาจะลดลง เขาจะลดความโหดร้ายลงแต่เราจะต้องเอาพลังอสูรไปขจัดออก ไม่เช่นนั้น เราจะเป็นเอง

ในขั้นนี้ เราดึงพลังส่วนที่เป็นปราณไม่ดีของเขาออกมาได้ แต่ขจัดกิเลสแทนเขาไม่ได้
Post Reply