ลำดับแห่งการหลุดพ้นจากโลก - คู่มือมนุษย์ พุทธทาสภิกขุ
Posted: Thu 23 Oct 2014 8:43 am
วิปัสสนา คือการปฏิบัติทางจิต เพื่อยกระดับจิตให้สูงขึ้นจนความทุกข์มาครอบงำใจไม่ได้
การพ้นทุกข์ในที่นี่ คือพ้นด้วยอำนาจของการรู้ โดยรู้แจ้งจริงๆว่าไม่มีอะไรที่น่ายึดถือ หลังจากนั้นสิ่งต่างๆในโลกก็จะไม่มีอิทธิพล นำใจของเราให้รักหรือชังอีกต่อไป เรียกว่าอยู่เหนือวิสัยของชาวโลก เปลี่ยนสถานะเข้าสู่ โลกุตตรภูมิ ง่ายๆคืออยู่เหนือจากเรื่องโลกๆนี้แล้ว
(อารมณ์คล้ายๆกับที่รู้แจ้ง คือรู้และเข้าใจจริงๆแล้วว่า เหล้า บุหรี่ ยาเสพย์ติดน่ะไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากมอมเมาให้เคลิบเคลิ้มหลงๆ กริยาท่าทางก็ดูไม่ดี ไม่เป็นที่เคารพ น่าชื่นชม เสียเงิน เสียเวลา มีแต่โทษ พอเข้าใจจริงสิ่งเหล่านี้เลยไม่มีอิทธิพล ถึงแม้จะให้กินให้เสพย์ฟรีๆ ราคาจะขึ้นลงกี่เท่า มีของแปลกใหม่สวยหรูมาล่อหลอก ก็ไม่ได้ทำให้เราดีใจหรือทุกข์ใจกับมัน พูดง่ายๆว่าไม่อยู่ในสมอง หรือสายตาของเราเลย ไม่ทำให้ใจฟูหรือหนักขึ้น แล้วความทุกข์ สุข จากสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร สภาวะนั่นแหละเรียกว่า โลกุตตรภูมิแบบจำลอง ถ้าให้จริงคือรู้สึกเหนือแบบนี้กับทุกสิ่งในโลก)
โลกิยภูมิ คือระดับของจิตที่สิ่งต่างๆในโลกยังมีอิทธิพลเหนือจิตใจอยู่ แบ่งเป็น 3 พวก
1 กามาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส เช่น ชอบอาหารอร่อย เสื้อผ้าสวยๆ บ้าน รถ เงิน (ส่วนใหญ่ 99%)
2.รูปาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจในการเพ่งรูปเป็นอารมณ์ปกติ นั่งสมาธิเข้าระดับสมาบัติ ตัวแข็งเป็นหิน ไม่ต้องกิน ต้องนอน หยุดระบบหายใจ ระบบร่างกายได้หลายๆวัน มีในกลุ่มพวกพระ ฤาษี (มีในยุคพุทธกาล หาได้น้อยมากในปัจจุบัน)
3.อรูปาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจในการเพ่งอรูปเป็นอารมณ์ปกติ สมาธิระดับสูงไม่เอารูปแต่ยังยึดนามธรรมเช่น อากาศ หรือความไม่มีอะไร มีในกลุ่มพวกพระ ฤาษี (มีในยุคพุทธกาล หาได้น้อยมากๆหรือแทบไม่มีในปัจจุบัน)
การพ้นทุกข์ในที่นี่ คือพ้นด้วยอำนาจของการรู้ โดยรู้แจ้งจริงๆว่าไม่มีอะไรที่น่ายึดถือ หลังจากนั้นสิ่งต่างๆในโลกก็จะไม่มีอิทธิพล นำใจของเราให้รักหรือชังอีกต่อไป เรียกว่าอยู่เหนือวิสัยของชาวโลก เปลี่ยนสถานะเข้าสู่ โลกุตตรภูมิ ง่ายๆคืออยู่เหนือจากเรื่องโลกๆนี้แล้ว
(อารมณ์คล้ายๆกับที่รู้แจ้ง คือรู้และเข้าใจจริงๆแล้วว่า เหล้า บุหรี่ ยาเสพย์ติดน่ะไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากมอมเมาให้เคลิบเคลิ้มหลงๆ กริยาท่าทางก็ดูไม่ดี ไม่เป็นที่เคารพ น่าชื่นชม เสียเงิน เสียเวลา มีแต่โทษ พอเข้าใจจริงสิ่งเหล่านี้เลยไม่มีอิทธิพล ถึงแม้จะให้กินให้เสพย์ฟรีๆ ราคาจะขึ้นลงกี่เท่า มีของแปลกใหม่สวยหรูมาล่อหลอก ก็ไม่ได้ทำให้เราดีใจหรือทุกข์ใจกับมัน พูดง่ายๆว่าไม่อยู่ในสมอง หรือสายตาของเราเลย ไม่ทำให้ใจฟูหรือหนักขึ้น แล้วความทุกข์ สุข จากสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร สภาวะนั่นแหละเรียกว่า โลกุตตรภูมิแบบจำลอง ถ้าให้จริงคือรู้สึกเหนือแบบนี้กับทุกสิ่งในโลก)
โลกิยภูมิ คือระดับของจิตที่สิ่งต่างๆในโลกยังมีอิทธิพลเหนือจิตใจอยู่ แบ่งเป็น 3 พวก
1 กามาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส เช่น ชอบอาหารอร่อย เสื้อผ้าสวยๆ บ้าน รถ เงิน (ส่วนใหญ่ 99%)
2.รูปาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจในการเพ่งรูปเป็นอารมณ์ปกติ นั่งสมาธิเข้าระดับสมาบัติ ตัวแข็งเป็นหิน ไม่ต้องกิน ต้องนอน หยุดระบบหายใจ ระบบร่างกายได้หลายๆวัน มีในกลุ่มพวกพระ ฤาษี (มีในยุคพุทธกาล หาได้น้อยมากในปัจจุบัน)
3.อรูปาวจรภูมิ คือจิตที่พอใจในการเพ่งอรูปเป็นอารมณ์ปกติ สมาธิระดับสูงไม่เอารูปแต่ยังยึดนามธรรมเช่น อากาศ หรือความไม่มีอะไร มีในกลุ่มพวกพระ ฤาษี (มีในยุคพุทธกาล หาได้น้อยมากๆหรือแทบไม่มีในปัจจุบัน)