สอนแบบหักดิบโดยการมองว่าแต่ละคนมีร่องแนวแบบไหน เช่น คุณหนู มีอัตตาตัวตนสูง ชอบนอน ชอบกิน บางคนเวลาปกติชอบใฝ่หาแต่ของกินของอร่อยเมื่อมาอยู่ที่วิวัฏฏะ พอจ. ก็จะไม่ให้กิน คนชอบนอนก็ไม่ให้นอน ใครมีอัตตาก็ใช้ไปล้างมือล้างเท้า บีบนวดพระ คุณหนูก็ให้อยู่แบบลำบากๆไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
2. "ใครๆก็ไม่ชอบให้ใครมาสอน แต่ใครๆก็ชอบไปสอนใคร แล้วใครจะไปสอนใครได้"
3. "ต้องสอนโดยทำให้คนที่ถูกสอนไม่รู้สึกว่ากำลังโดนสอน เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด"
4. "ชีวิตไม่ได้มีด้านเดียว ที่ผ่านมาสิ่งไม่ดีไม่งามก็ทำมามากพอสมควรแล้ว ก็น่าจะสมควรพอได้แล้ว แต่ความดียังไม่สมควรพอให้ทำ ถือเป็นโอกาสดีในชาติหนึ่ง"
5. "ให้ทำบุญเหมือนไปขี้ในป่า สิ่งใดที่ทำไปแล้วก็ไม่ควรหวงแหนเรียกคืนกลับมาอีก"
6. ถาม : ทำบุญหักล้างบาปได้ไหม
ตอบ : เหมือนกับเราเติมคอฟฟี่เมตในกาแฟ ไม่มีอะไรหักล้างกัน ถ้าเราหยุดเติมกาแฟ เติมแต่คอฟฟี่เมต คอฟฟี่เมตก็จะมีเยอะกว่าก็แค่นั้น
7. จริงๆแล้ว "สุขไม่มีอยู่จริง" มีแต่ "ทุกข์มาก ทุกข์น้อย และ ทุกข์ไม่มี"
ชาวโลกยืมคำไปใช้แล้วสมมติเรียกว่าสุข หลายๆคนจึงแสวงหาความสุข ต้องการความสุข มันจึงเป็นการแสวงหาในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หลายคนหาทั้งชีวิตจึงหาไม่เจอเหมือนวิ่งไล่จับเงา ยังไงก็ไม่เจอ ไม่สามารถเติมเต็มได้
8. ทุกข์ไม่มี = สันติ เราเรียกสภาวะนี้ว่า สันติ คือปราศจากตัณหาดิ้นรนทางใจ
9. กรรมฐาน คือ การคลี่คลายอารมณ์ การดูลมเป็นการปรับอารมณ์ไม่ให้ขึ้นๆ ลงๆ
10. ถาม : การทำกรรมฐานควรทำเวลาไหน
ตอบ : ทำแบบไม่มีเวลาทำ ทำไมปฏิบัติต้องมีเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น
11. "จิตของเราเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดี จะมีภาวะอุปทานคือการกำการจับ การยึด แล้วมันจะได้นิสัยในการติด"
12. หลังจากที่เราไปทำทุกอย่างไปแล้วเนี่ยะ มันจะจบไม่ได้ ภาวะจะมี กำ ติดมาด้วย มันจะไปกำ กรรมอีกทีนึง แล้วก็มาคร่ำครวญ มาเสียใจ มาทุกข์ใจทีหลัง สิ่งที่เกิดไปแล้วแก้ไขไม่ได้นั่นคือกรรม แต่ กัม (มัฏฐาน) "กัม" เท่านั้นถึงจะตัด "กำ" ได้
https://www.youtube.com/watch?v=N_Id7Q_itgA