เห็นถูกรู้แจ้ง 4 ของ อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม

Post Reply
Nadda
Posts: 258
Joined: Tue 05 May 2009 8:20 pm

เห็นถูกรู้แจ้ง 4 ของ อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม

Post by Nadda »

อ่านเรื่อง เห็นถูกรู้แจ้ง 4 ของ อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม แล้วสะดุดชอบในคำพูดบางประโยคของอาจารย์

1. ความจริง ไม่ได้ขึ้นกับความเชื่อของใคร แล้วเมื่อมันเป็นความจริงก็ไม่เห็นต้องเชื่อว่ามันจริง (เช่น กินข้าวอิ่ม เรารู้สึกอิ่มมันเป็นความจริง ต้องถามใครไหมว่าเราอิ่มจริงหรือเปล่า)

2. สังเกตไหมว่าไม่มีใครอยากเป็นใครเลย เป็ดก็ไม่อยากเป็นมนุษย์ มนุษย์ก็ไม่ได้อยากเป็นเป็ด คนไม่ดีก็อยากจะไม่ดีอยู่อย่างนั้น ไม่เห็นจะอยากเป็นคนดีเลย มันน่ากลัวตรงนี้แหละ ถ้าดูเผินๆจะเห็นว่า แต่ละคนแต่ละภูมิ ถ้าไม่เห็นทุกข์ของตัวเองด้วยตัวเอง จะไม่มีใครคิดออกจากความเป็นสิ่งนั้นกันเลย

3. ถ้าจะ countdown ไปสู่ปีใหม่ คง countdown กันไม่รู้จะหยุดตรงไหน เพราะวัฏฏะนี้ไม่มีปลาย นับกันจริงๆมันก็ไม่ได้หยุดเมื่อเรานับไปถึง มันไม่หือไม่อือด้วย วินาทีที่ดับก็ยังคงสืบเนื่องต่อไปอย่างรวดเร็ว ตกลงปีไหนปีใหม่ตัวจริง เพราะมันไม่มี

4. กดสวิตซ์ > ไฟติด > อ่านหนังสือ > เกิดความรู้ ปัญญา > พ้นทุกข์ได้ในเวลานั้น > จึงสนใจสู่การปฎิบัติ

กดสวิตซ์ > ไฟไม่ติด ไฟดับ > เดินไปหยิบของในตู้เย็น > มองไม่เห็น > มือปัดแก้ว > แก้วตกแตก > เดินไปเหยียบแก้วแตก

= อิทัปปัจจยตา เพราะสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น

5. ทาน ใครก็ทำได้ คนดีทำได้ คนเลวที่สุดก็ทำได้ ศีล ก็ต้องเป็นคนดีทำ คนชั่วไม่คิดทำ ส่วนภาวนาเนี่ยคนดีส่วนเดียวที่ทำได้ ไม่ได้บอกว่าทานไม่สำคัญ แต่คุณเข้าใจอะไรผิดไปบางอย่างหรือเปล่า ในทาน ศีล ภาวนา เขาไม่ได้ให้เลือก ก.ข.ค. นะ คนทำทานอาจจะไม่มีศีล อาจจะไม่ได้ภาวนา แต่คนมีศีลทำทานนะ แล้วคนภาวนาเนี่ย มีศีล แล้วก็ทำทานด้วย ตกลงใครดีกว่าใคร?

คนที่ภาวนาเหมือนการมาเข้ายิม เพื่อลด ละ เลิก สิ่งที่เรียกว่า กิเลส คนพาลเนี่ย ถ้ารู้ว่าตัวเองพาลแล้วพยายามปรับปรุงเขามีโอกาสจะเป็นบัณฑิต

คุณให้ทานกี่วัน แล้วที่เหลือคุณโกยเข้ากระเป๋าตัวเองกี่วัน กับคนที่เขาทำอย่างนี้ทั้งชีวิต ไม่คิดจะเอาเข้ากระเป๋าตัวเองเลย ไม่คิดจะหาความสุขใส่ตัว คิดแต่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ คุณทำได้บ้างไหม นี่แหละผลแห่งการภาวนา

อย่ามองแค่จุดที่ทุกคนเพิ่งจะเริ่มต้น หรือว่าทุกคนกำลังพยายามอยู่ แต่มองไปที่จุดที่มันประสบความสำเร็จกันบ้าง บุคคลเหล่านั้นไม่เคยต้องการสิ่งอะไรตอบแทนเลย นอกจากให้โลกเพียงอย่างเดียว

6. ผมว่า เราโชคดีมหาศาลที่พระพุทธเจ้าท่านไม่เห็นเรื่องนี้เป็นธรรมดา พวกเราเกิดมาเนี่ย เราก็ยอมรับเรื่องเกิดแก่เจ็บตายนี้เป็นเรื่องธรรมดา ยอมจำนนหลังติดฝาไปเลย แต่ท่านเห็นแค่นี้ ท่านถามว่า "ไม่มีใครคิดจะออกมาเลยหรือ นี่มันเป็นทุกข์มหันต์ของมวลมนุษยชาติเลยนะ ไม่มีใครคิดจะทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดที่มี เพื่อจะออกจากสิ่งนี้เลยเหรอ"

7. ถ้ามีพ่อ แม่ ลูก อยู่ในบ้าน ในหมู่บ้านห่างไกล ทั้ง 3 คนป่วยเป็นโรคร้ายที่ตายแน่ ไม่มียารักษา ไม่เคยหายารักษาได้ คนในหมู่บ้านทั้งหมด คนในประเทศนั้นทั้งหมด ไม่มีใครมียารักษาเลย ทุกคนต่างเป็นโรคนี้กันหมด

มีพ่อบ้านคนหนึ่งที่ไม่สามารถทนดูคนรักตายอย่างทุกข์ทรมานได้ จึงตัดสินใจออกไปหายารักษาโรค โดยไม่รู้ว่ามันมีไหม ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน โดยจะทุ่มเทสรรพกำลัง สรรพปัญญาทั้งหมด เพื่อจะหายาตัวนี้ให้ได้ จะบอกใครไป ทุกคนเขาก็จะห้ามเพราะไม่คิดว่าจะสามารถรักษาได้ จึงจำเป็นต้องปลีกตัวหนีออกไปเพื่อตามหายา

ถ้ามีคนบอกว่า พ่อคนที่หนีออกไปเพื่อช่วยลูกเมียทั้งๆที่ไม่รู้ว่ายามีไหม เป็นคนเห็นแก่ตัว ผมรับไม่ได้ ผมว่าคนๆนี้แหละ คือคนที่เสียสละที่สุด ในโลกใบนั้น ในหมู่บ้าน หรือในประเทศนั้นเลย
Post Reply