สรุป Mechanical Keyboard
Posted: Thu 09 Jun 2022 6:09 pm
คีย์บอร์ดในยุค 80 จะเป็นแบบสปริงบวกกับปุ่มยาง (Rubber Dome) จึงตอบสนองได้ดีมาก ผลิตมาอย่างดี ซีลแผ่น PCB ด้วยแผ่นเหล็กอย่างหนาทนน้ำทนมือ และบางรุ่นเช่น Gateway สามารถตั้ง macro ได้ด้วย ต่อมาโลกได้พัฒนาขึ้น เน้นผลิตง่ายเล็กบางราคาถูก โดยใช้ปุ่มยางอย่างเดียวร่วมกับแผ่นเมมเบรน ต่อมาเมื่อวงการเกมมีความต้องการคีย์บอร์ดที่ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว รองรับการกดหลายๆปุ่มพร้อมกัน จึงเกิดกลุ่มผู้ใช้ Mechanical Keyboard ขึ้นมา
ประเภทคีย์บอร์ดแบ่งตามกลไกปุ่มกด
ฃนิดของสวิตซ์ปุ่มกด Mechanical Keyboard
ข้อดีของ Mechanical Keyboard
ประเภทคีย์บอร์ดแบ่งตามกลไกปุ่มกด
- คีย์บอร์ดประเภทปุ่มยาง (Rubber Dome Keyboard)
- คีย์บอร์ดประเภทกึ่งกลไก (Semi-Mechanical Keyboard)
- คีย์บอร์ดประเภทกลไก (Mechanical Keyboard)
ฃนิดของสวิตซ์ปุ่มกด Mechanical Keyboard
- สีน้ำเงิน - เสียงดังสุด รบกวนคนอื่น แยกสองจังหวะชัดเจน เหมาะสำหรับมือใหม่
- สีน้ำตาล - เสียงจะเบากว่าเนื่องจากมีเงี่ยงที่เล็กกว่า การทำงานยังเป็นสองจังหวะอยู่ เหมาะสำหรับคนที่เกรงใจชาวบ้าน
- สีแดง - เสียงเบาที่สุด กดแล้วยุบเลยเพราะมีเงี่ยงแบบลิเนียร์สเกล เหมาะกับคนนุ่มนวล ผู้หญิง
ข้อดีของ Mechanical Keyboard
- ใช้สวิตซ์ จึงตอบสนองได้แม่นยำ รวดเร็ว
- ทนทานกว่าปุ่มยาง เกรดล่างกดได้ 5m เกรดกลาง 10m เกรดฝรั่ง 50m
- แผ่นวงจรเป็น PCB แข็งแบบยุค 80 ทนความชื้น ทนกัดกร่อนได้ดีกว่าแผ่นเมมเบรน
- วงจรสมัยใหม่ กดปุ่มพร้อมๆกันได้จำนวนมาก บางรุ่นกดพร้อมกันได้ทั้งหมด 104 ปุ่ม
- บางรุ่นสามารถตั้งมาโครได้
- รุ่นแพงสามารถถอดสวิตซ์ได้ (Hot Swap) ทำให้ซ่อมหรือใช้ชั่วคราวได้ง่าย
- ส่วนใหญ่รุ่นมีไฟแสงจะทะลุเฉพาะตัวอักษรบน
- Keychron - เกรด A ผลิตโดยกลุ่ม Startup
- Royal Kludge - Custom Keyboard / ไร้สายสองระบบ / USB Hub
- NUBWO
- SIGNO
- AKKO
- RAZER