ครั้งแรกคือสมัยของ พระเจ้าเป่ยเว่ยไท่อู่ตี้ แห่งราชวงศ์เว่ยเหนือ ค.ศ.408 - 452
สาเหตุเนื่องมาจากเห็นวัดวาอารามมากมายในพระพุทธศาสนา มีเงินเข้าออกไม่เว้นแต่ละวัน จนวัดร่ำรวย มีการสะสมอาวุธ หมักสุรา รวมถึงลักลอบพาผู้หญิงเข้ากุฏิ เรื่องฉาวของพระพวกนี้กระทบถึงหูของฮ่องเต้องค์นี้ เลยจัดการกำจัดพระพุทธศาสนา เพื่อควบคุมไม่ให้พระพุทธศาสนามีความเจริญเกินศาสนาเต๋าที่ตนเองนับถือ พระสงฆ์ถูกฆ่านับไม่ถ้วน ที่ไม่โดนฆ่าก็โดนจับสึกมากมายมหาศาล วัดวาอาราม พระพุทธรูป พระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาถูกทำลายนับไม่ถ้วน บางส่วนถูกลักลอบนำมาซ่อนไว้
(ความจริงฮ่องเต้องค์นี้ไม่ได้ทำลายพระพุทธศาสนาเพราะศรัทธาศาสนาเต๋า แต่พฤติกรรมพระในสมัยนั้นแย่จริง)
ครั้งที่สองคือสมัยของพระเจ้า เป่ยโจวอู่ตี้ ค.ศ.543 - 578
สาเหตุเนื่องมาจากวัดมากสะสมทรัพย์สมบัติจนร่ำรวย พระสงฆ์ไม่รักษาศีลให้เคร่งครัดรวมถึงทำตัวเป็นนักเลงและกร่าง และนักบวชเต๋าเองก็ได้รับผลกระทบ เพราะว่าฮ่องเต้องค์นี้"ไม่มีศาสนา" ที่สำคัญ ฮ่องเต้ทราบว่ามีการสะสมอาวุธในวัดมากมาย กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ฮ่องเต้เห็นว่าถ้าปล่อยไว้จะเกิดปัญหาจึงสั่งให้พระสงฆ์และนักบวชเต๋ามากมายสึกเช่นกัน
ครั้งที่สามคือสมัยของพระเจ้าถังอู่จง ค.ศ.814 - 846
สาเหตุเนื่องจากราชวงศ์ถังเป็นราชวงศ์ที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง มีวัดวาอารามมากมาย ที่ดินของวัดไม่ต้องเสียภาษี พระมีอาหารการกินโดยไม่ต้องเสียภาษี คนมากมายที่ไม่อยากโดนเกณฑ์แรงงาน ไม่อยากเสียภาษีพากันออกบวชกันหมด และหลายวัดมีทาสใช้แรงงานให้วัด
ออกนโยบายปราบปรามควบคุมพระพุทธศาสนา ออกพระราชโองการให้วัดในเมืองหลวงซีจิง มีวัดได้แค่ 4 วัด แต่ละวัดมีพระได้แค่ 10 รูป และอีกหลายเมืองไม่มีวัดเหลือ และไม่มีพระจำพรรษา ส่วนทาสในวัดถูกปล่อยตัวออกมาจนหมด
ปี ค.ศ.845 วัดวาอารามจำนวน 4,600 กว่าวัดถูกทำลาย ภิกษุภิกษุณีจำนวน 260,000 กว่ารูปถูกจับสึก
ครั้งที่ 4 คือสมัยของพระเจ้าโฮ่วโจวซื่อจง ค.ศ.921 - 959
สาเหตุเนื่องมาจากเป็นช่วงสงคราม ต้องการฟื้นฟูกองทัพ และต้องการภาษี แต่สมัยนั้นมีพระเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว แถมคนก็พากันไปบวชเยอะกว่าเดิม ฮ่องเต้สั่งให้สึกออกมาให้หมดและไม่อนุญาตให้ออกบวช
ในด้านการปกครอง ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่เลวร้าย ไม่ใช่ทรราช
บางยุคขาดแคลนเงิน วัดไหนที่มีพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองแดง ฮ่องเต้สั่งให้หลอมละลายพระพุทธรูปองค์นั้เพื่อผลิตเหรียญทองแดงและเก็บเข้าคลัง
บ้านไหนวัดไหนมีพระพุทธรูปทองแดงให้เอามาจ่ายพร้อมภาษีส่วยต่างๆ
สมัยนี้ก็ไม่ได้ฆ่ากันตายมากมายเท่ายุคแรก
ปี ค.ศ.955 วัดวาอารามจำนวน 30,360 วัดถูกทำลาย ภิกษุภิกษุณีจำนวน 61,200 รูปถูกจับสึก
ผลจากการกวาดล้างศาสนาในครั้งที่ 4 ทำให้พระพุทธศาสนาบางนิกายที่เกิดในประเทศจีนถึงขั้น "สิ้นวงศ์" และโชคดีที่นิกายที่สิ้นวงศ์ในจีน เคยเผยแพร่ไปที่เกาหลีและญี่ปุ่น ทำให้หลายนิกายที่สูญวงศ์ไปจากจีน เหลือในเกาหลีและญี่ปุ่น
ในสมัยราชวงศ์ชิง มีการกบฎไท่ผิง ซึ่งเป็นกบฎที่มีผู้นำอ้างว่าตนเองเป็นน้องชายแท้ของพระเยซูกองทัพกบฎบุกไปที่ไหน ทำลายวัดวาอาราม พระพุทธรูป พระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆถูกเผาทำลาย แม้แต่ศาลเจ้าทางศาสนาเต๋า ศาลบรรพชนของชาวจีนก็ถูกพวกกองทัพทำลายไปเยอะมาก สุดท้ายกองทัพกบฏถูกกองทัพราชสำนักปราบจนหมด
ยุคสุดท้ายก็เป็นยุคเหมาเจ๋อตุงมีอำนาจ เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ทุกศาสนาถูกกวาดล้างจนหมด จารีตและประเพณีอันดีงามถูกล้างออกจากสมองของเยาวชนจีนในยุคนั้น
ผลจากการกวาดล้างปราบปรามพระพุทธศาสนาในจีน ทำให้หลายนิกายในประเทศจีนถึงกับสิ้นวงศ์ไปจากประเทศจีน แต่หลายนิกายที่โดนกวาดล้าง มีผู้สืบต่อคือพระสงฆ์ในประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น เพราะพระเกาหลีและพระญี่ปุ่นมาเรียนวิชาพระพุทธศาสนาในประเทศจีน
ส่วนพระจีนในสมัยโบราณ นิยมไปเรียนที่ชมพูทวีปกันเยอะ เพราะประเทศจีนในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จนถึงราชวงศ์ถังเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาที่สองรองจากชมพูทวีป
ที่มา // อ้างอิง : เพจประวัติศาสตร์จีน