วิชัย ศรีวัฒนประภา

Post Reply
tong
Site Admin
Posts: 2386
Joined: Fri 01 May 2009 8:55 pm

วิชัย ศรีวัฒนประภา

Post by tong »

พลิกปูมประวัติ ‘เจ้าสัววิชัย’ มหาเศรษฐีแสนล้านแห่ง คิงเพาเวอร์-เลสเตอร์
เผยแพร่: 28 ต.ค. 2561 12:40 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000107512

MGR Online - เปิดประวัติ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวไทยที่สร้างชื่อในระดับโลก เจ้าของกลุ่มกิจการคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก

จากกรณีรายงานข่าว เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา นักธุรกิจเจ้าของกิจการ คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประสบอุบัติเหตุตกไฟลุกท่วม บริเวณลานจอดรถใกล้สนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์สเตเดียม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ช่วงค่ำวานนี้ (27 ต.ค.) ตามเวลาในประเทศอังกฤษ นับเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนไทยและแฟนฟุตบอลทั่วโลก

สำหรับ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา (สกุลเดิม รักศรีอักษร) เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2501 เป็นบุตรของนายวิวัฒน์ และนางประภาศร รักศรีอักษร สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาวูดลอว์น ประเทศสหรัฐอเมริกา คณะศิลปศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยนอร์ททอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้านชีวิตครอบครัว นายวิชัยสมรสกับนางเอมอร มีบุตรทั้งหมด 4 คน นางสาววรมาศ ศรีวัฒนประภา, นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา, นางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา และนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา โดยนายอัยยวัฒน์ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ และมีส่วนช่วยในการบริหารทีมฟุตบอลจนก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2015–2016 (2558-2559)

ฝีมือการปลุกปั้นทีมเลสเตอร์จากทีมเล็ก ๆ ให้เข้มแข็งจนสามารถ ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก และก้าวไปคว้าถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษนี่เองที่ทำให้นายวิชัย กับครอบครัวศรีวัฒนประภากลายเป็นที่รู้จัก และนับถือในความสามารถจากคนทั่วโลก

ทางธุรกิจนายวิชัย เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่และมีผลงานการบริหารธุรกิจมามากมาย ทั้งกิจการของตนเองและร่วมบริหาร เช่น บริษัทศรีอักษร (1980) จำกัด, กรรมการบริษัทไทยนิชิกาวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ จำกัด (มหาชน), กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส.(ไทยแลนด์) จำกัด และ กรรมการบริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีที่สร้างชื่อเสียงของนายวิชัยให้เป็นที่รู้จักนั้น เขาเริ่มบริหารงานในธุรกิจของครอบครัวบริษัทศรีอักษร ในปี 2523 จากนั้นในปี 2532 วิชัย เริ่มธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบินฮ่องกง จากชักชวนของเพื่อนชาวฮ่องกง จากนั้นด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีกับภาครัฐ “คิง เพาเวอร์” ได้เปิดร้านดิวตี้ฟรีที่กลางเมืองย่านเพลินจิตในปี 2532 และปี 2538 ได้สัมปทานในสนามบินดอนเมือง

จุดหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจที่ทำให้นายวิชัย ผงาดเป็นเสือติดปีก คือ ช่วงปี 2549 เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ คิง เพาเวอร์ กลายเป็นบริษัทได้บริหารพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่พื้นที่ตั้งร้านค้าปลอดภาษี กิฟต์ช็อป ร้านอาหาร ไปจนถึงป้ายโฆษณา และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายวิชัย เช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปลุกปั้น “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” ที่ซอยรางน้ำ ย่าน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ

ปัจจุบัน เจ้าสัววิชัย เป็นประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ นอกจากนี้ยังดำรตำแหน่ง นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรฯเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเข้าไปซื้อกิจการในปี พ.ศ.2553 ซึ่งช่วงแรกถือหุ้น 51% ก่อนที่ในปีเดียวกันได้เข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% มูลค่าการซื้อขายทั้งหมดอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ และในปี พ.ศ.2554 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรฯอย่างเต็มตัว

ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ในการจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2561 นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 5,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 171,000 ล้านบาท
tong
Site Admin
Posts: 2386
Joined: Fri 01 May 2009 8:55 pm

Re: วิชัย

Post by tong »

เผยเบื้องหลัง เจ้าสัววิชัย ทุ่มซื้อเลสเตอร์ ใช้เวลา 11 ปี สร้างทีมล้มเชลซี อดีตทีมรักได้
เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง
https://www.facebook.com/jingjungfootball/posts/2126853420863230
เรียบเรียงจากหนังสือ The Fairy Tale of Underfox

วิชัย ศรีวัฒนประภา ไม่เคยมีความผูกพันอะไรกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้มาก่อน

เขาชอบฟุตบอล และชอบพรีเมียร์ลีกก็จริง แต่ทีมแรกที่เขาสนับสนุนเป็นการส่วนตัวคือ เชลซี

วิชัย ซื้อบ็อกซ์วีไอพี ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ อย่างต่อเนื่องหลายซีซั่นติดต่อกัน แม้เชลซีจะขึ้นราคาทุกปี แต่ด้วยความชื่นชอบ เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้ที่นั่งชมเกมในสนาม

ไม่เพียงแค่ซื้อบ็อกซ์วีไอพีเท่านั้น แต่เขาในฐานะเจ้าของคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ยังเอาเงินไปซื้อบอร์ดโฆษณาของคิงเพาเวอร์ ในสนามของเชลซีอีกด้วย

สนับสนุนกันเต็มที่ ทั้งเป็นสปอนเซอร์ ทั้งซื้อบ็อกซ์

อย่างไรก็ตาม มันมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ วิชัย เปลี่ยนความคิดของตัวเองกับเชลซี

ในปี 2005 ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ เจ้าหน้าที่ จะตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดมาก ครอบครัวศรีวัฒนประภา เดินทางไปชมเกมในกันพร้อมหน้า โดยทุกคนเดินเข้าสนามไปหมดแล้ว เหลือเพียงวิชัย ที่เดินรั้งท้าย

ปรากฎว่า ในจังหวะตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่สนาม เกือบเอาเครื่องสแกนมากระแทกคางวิชัย เขาจึงเอามือปัด ไปๆมาๆมันทำให้การ์ดสนามไม่พอใจที่โดนตอบโต้ จนมีเรื่องมีราวกันใหญ่โต

ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ลูกชาย จึงต้องรีบกันคุณพ่อออกห่างจากการ์ด ก่อนที่จะมีเรื่องบานปลายไปยิ่งกว่านี้

วิชัยเอง ก็มองว่าเขาเป็นแขกของสนาม เป็นทั้งสปอนเซอร์ และลูกค้าที่ซัพพอร์ตทีมอย่างดีมาตลอด แต่กลับมาโดนการ์ดสนามหาเรื่องกันแบบนี้

คือตรวจดีๆเขาก็ไม่ว่า แต่เกือบทำเขาเจ็บตัวแล้วไม่ขอโทษ พร้อมยังหาว่าเขาทำผิด แบบนี้มันไม่โอเค

วิชัยไม่พอใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาส่งจดหมายเพื่อตำหนิเรื่องทั้งหมดกับผู้บริหารเชลซี

และจากนั้น เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาด คือหยุดการสนับสนุนเชลซีทุกทาง

วิชัย ไม่ซื้อบ็อกซ์วีไอพีอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาตัดสินใจ ไม่เข้ามาชมเกมในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในฐานะแฟนฟุตบอลอีกต่อไป

"วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้" วิชัยบอกกับอัยยวัฒน์ลูกชายไว้ในวันนั้น แต่ไม่มีใครคิดหรอกว่า เขาจะเอาจริงเอาจัง

"ตอนนั้นผมก็คิดว่าท่านคงพูดไปอย่างนั้นแหละ ท่านคงอารมณ์เสีย" อัยยวัฒน์เผย

----------------------------------------

ปี 2007 ผ่านไป 2 ปีหลังจาก ที่วิชัย เลิกเข้าไปดูบอลที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการหาซื้อสโมสร แต่ว่า สโมสรฟุตบอลไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ ต่อให้คุณมีเงิน แต่ถ้าเจ้าของมองว่าคุณไม่เหมาะ เขาก็ไม่ขายให้อยู่ดี

ในที่สุด วิชัยก็ได้โอกาสแรก เขาได้คอนแท็กต์ติดต่อกับสโมสรเรดดิ้ง ทีมน้องใหม่ของศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น

เซอร์จอห์น มาเดจสกี้ เจ้าของทีมเรดดิ้ง พร้อมจะขายทีม แต่ก่อนอื่นต้องการคุยกับคนที่คิดจะมาซื้อก่อน

เรดดิ้งเป็นสโมสรที่เป็นชอยส์ที่ดี คืออยู่ในพรีเมียร์ลีก และระยะทางไม่ห่างจากลอนดอนมาก เดินทางง่าย ที่สำคัญราคาตั้งขาย ก็ไม่แพงเกินเหตุด้วย

อย่างไรก็ตาม การเจรจาในวันนั้นล้มเหลว วิชัย ไม่สามารถซื้อสโมสรเรดดิ้งได้ เพราะเจ้าของไม่ขาย

"ทางเราบอกว่า เราชอบฟุตบอล เราดูฟุตบอล" อัยยวัฒน์เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนั้น

"แต่เขาถามกลับมาว่า ยูเคยทำทีมฟุตบอลมั้ย เราบอกไม่เคย เขาบอกว่าถ้ายูไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ยูอย่าเข้ามาเลย เสียเวลา"

"เขาบอกว่า วงการนี้ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ควรเข้ามายุ่งหรอก ยูไม่สำเร็จหรอก"

ความล้มเหลวในการติดต่อกับ สโมสรเรดดิ้ง กลายเป็นคำถามในใจขึ้นมา เพราะต่อให้คุณมีเงิน แต่การจะเป็นเจ้าของสักสโมสร มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เมื่อการเจรจาล้มเหลว วิชัยก็กลับมาบริหารงานที่คิงเพาเวอร์ตามปกติ เรื่องสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ก็เหมือนเป็นเรื่องไกลตัว ที่อาจไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นความบังเอิญ ให้เขามาผูกพันกับทีมเล็กๆในระดับแชมเปี้ยนชิพ

ในปี 2010 สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ติดต่อเข้ามาหาวิชัย

----------------------------------------

เลสเตอร์ ในเวลานั้นเล่นอยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิพ ลีกรองของอังกฤษ

พวกเขาติดต่อเข้ามาหาวิชัย ไม่ใช่เพื่อให้ช่วยซื้อสโมสร แต่ ต้องการขอสปอนเซอร์จากคิงเพาเวอร์

เลสเตอร์ อยากให้คิงเพาเวอร์ มาเป็นเมนสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อ โดยคิดค่าใช้จ่าย 3 แสนปอนด์

"คุณพ่อถามผมว่า เลสเตอร์เป็นยังไง ผมก็บอกไปว่า จำไม่ได้หรอ ที่เราไปดูกันตอนเด็กๆ" อัยยวัฒน์เล่า

วิชัย กับ อัยยวัฒน์ เคยไปดูเลสเตอร์ ลงเล่นลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศในปี 1997 ที่สนามเวมบลีย์ หรือเมื่อ 13 ปีก่อน แต่เหตุการณ์นั้นผ่านมานานมากแล้ว เลสเตอร์จากที่เคยมีสตาร์ เคยอยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็หล่นลงไปอยู่ระดับแชมเปี้ยนชิพ และไม่มีสตาร์คนไหนโดดเด่น

"ถามจริง คนที่ดูพรีเมียร์ลีก เคยสนใจลีกแชมเปี้ยนชิพไหม สนแต่ว่าใครขึ้นชั้นมา ใครตกชั้นไป" อัยยวัฒน์เผยต่อ "ผมเลยบอกคุณพ่อไปว่า ถ้าซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ มันไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่มีใครดูหรอก"

อย่างไรก็ตาม วิชัย เห็นต่างจากลูกชาย เขาบอกว่า "อยากลองดูก่อน"

วันรุ่งขึ้น วิชัย กับ อัยยวัฒน์ เดินทางไปที่สนามวอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม สนามเหย้าของเลสเตอร์ เพื่อตัดสินใจว่า จะเป็นสปอนเซอร์ให้ดีหรือไม่

พอไปถึงสนาม เขาเห็นความบังเอิญที่ "โทนสี" ของเลสเตอร์ กับ คิงเพาเวอร์ มันเหมือนกัน คือสีน้ำเงินเข้ม เป็นความรู้สึกลงตัวบางอย่าง

จากนั้น วิชัย มานั่งคุยกับเจ้าของสโมสร มิลาน มันดาริช โดยมันดาริช ทำม็อกอัพ เสื้อแข่งจำลองมาให้วิชัยดู ว่าถ้าสโมสรเลสเตอร์ ใส่โลโก้คิงเพาเวอร์ที่หน้าอกแล้วจะเป็นอย่างไร

คำถามแรกที่วิชัย ถามมันดาริช ไม่ได้เกี่ยวกับสปอนเซอร์อะไรทั้งสิ้น

"ยูขายทีมไหม?"

----------------------------------------

"ขาย" มันดาริชยืนยันมาแบบนั้น

มันดาริช ซื้อเลสเตอร์ ซิตี้ มาในปี 2006 ด้วยราคาประมาณ 25 ล้านปอนด์ แต่ทำทีมไป ก็ไม่ได้ผลกำไรอะไรเท่าไหร่นัก

ในช่วง 4 ปีที่เขาเป็นเจ้าของ เลสเตอร์วนเวียนในระดับแชมเปี้ยนชิพ แถมเคยตกชั้นไปเล่นลีกวันมาแล้ว 1 ซีซั่น

ว่ากันตรงๆ มันดาริช ไม่เห็นอนาคตของเลสเตอร์ เพราะมีแต่จะจมดิ่งลงเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าได้ข้อเสนอดีๆ และทำกำไรได้ เขาก็พร้อมจะขาย

"เท่าไหร่" วิชัยถามกลับไป

ปรากฏว่าการคุยกันในวันนั้น จากที่จะซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ 3 แสนปอนด์ ไปๆมาๆ วิชัยกลับจ่ายเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อสโมสรแทน

นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉับไวมาก สายตาของวิชัย มีความมั่นใจอะไรบางอย่าง เขาเชื่อว่าเลสเตอร์ ซิตี้ ไปไกลกว่านี้ได้

ด้วยความปุบปับของการตอบตกลงซื้อขายทีม จึงยังไม่มีเอกสารอะไรเป็นทางการ มิลาน มันดาริช ขอเวลาเล็กน้อยเพื่อจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด เช่นเดียวกับทางวิชัย ที่ต้องกลับมาไทย จัดการเตรียมเงินให้เรียบร้อย เพราะตัวเลข 40 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยในตอนนั้น คือ 1920 ล้านบาท มันก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ

ในตอนนี้ ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เป็นการตกลงปากเปล่าก่อนเท่านั้น มีการเขียนในกระดาษเอสี่ นิดหน่อยเป็นสัญญาใจ แต่ยังไม่ได้ผูกมัด 100%

เกมแรกของฤดูกาล เลสเตอร์ เจอกับคริสตัล พาเลซ ปรากฏว่าครึ่งแรกโดนนำไป 3 เม็ด ก่อนจบเกมจะแพ้ 3-2

ตอนนั้นวิชัย กับ อัยยวัฒน์ อยู่ที่ไทยและเกมนี้ไม่มีถ่ายทอดสดกลับมาที่ไทย อัยยวัฒน์จึงให้เพื่อนที่อังกฤษ ไปช่วยดูฟอร์มเลสเตอร์ ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์กหน่อย ว่าเป็นไงบ้าง

"เพื่อนโทรมาบอกว่าเล่นห่วยมาก เราเริ่มคิดว่านี่เราซื้อถูกหรือผิดกันแน่"

อย่างไรก็ตาม วิชัย ไม่ไขว้เขวแม้แต่น้อย เมื่อเขาสัญญาไปแล้วว่าจะซื้อ เขาก็จะซื้อ เขาเปลี่ยนใจได้ แต่ไม่ทำ

"คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ประหลาด มองไกลจนผมตามไม่ทัน เวลาท่านพูดอะไรจะทำให้ได้ เอาให้ได้" อัยยวัฒน์เผยว่า แม้เขาจะลังเล แต่วิชัยกลับมั่นใจ "ท่านบอกว่า จะพลาดหรือไม่พลาด ไม่มีใครรู้แล้ว"

"แต่เราต้องทำให้สำเร็จ"

----------------------------------------

สิงหาคม 2010 การซื้อขายเรียบร้อย วิชัย ศรีวัฒนประภา ซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้

ท่ามกลางเสียงสบประมาทมากมาย ว่า "แค่ของเล่นคนรวยหรือเปล่า?" แต่เขาก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเงียบๆ

เขา ร่วมกับลูกชายอัยยวัฒน์ แก้ปัญหาหลังบ้านมากมาย และค่อยๆปฏิวัติเลสเตอร์ จากทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้นไปสู่ลีกวัน ค่อยๆกลายมาเป็นทีมกลางตาราง

และยกระดับเป็นทีมที่เข้าเพลย์ออฟ ลุ้นเลื่อนชั้น

ในปี 2013 วันที่เลสเตอร์ มาแพ้วัตฟอร์ด ในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ทำให้ทุกคนในสโมสรรู้สึกดาวน์ และจมดิ่งไปในความเศร้า

เกมนั้น ถ้าชนะคุณจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ และมีโอกาสกลับมาสู่พรีเมียร์ลีก แต่เลสเตอร์ มาโดนยิงนาที 90+7

ทั้งสโมสรไม่มีแรงใจจะเดินหน้าต่อไปแล้ว ทั้งนักเตะ ทั้งสตาฟฟ์ แม้แต่อัยยวัฒน์ ก็ยังจมดิ่งด้วยความท้อแท้

แต่คนที่เปลี่ยนความรู้สึกของอัยยวัฒน์ให้กลับมาลุกขึ้นสู่อีกครั้งคือวิชัย

"ก็เหมือนชีวิตแหละ มันยากน่ะดีแล้ว จะได้รู้ว่าความล้มเหลวเป็นยังไง"

คำคำนั้นได้ปลุกอัยยวัฒน์ให้ลุกขึ้นมา นี่คือวิธีปลอบใจของวิชัย ที่แน่นอนว่าเสียใจไม่แพ้กัน แต่ความพ่ายแพ้มันคือบทเรียน และมันเป็นโอกาสที่เขาจะได้สอนลูกชายไปในตัว

เพราะชีวิต มันไม่เคยง่าย ไม่เคยเลย

----------------------------------------

หลังจากตกรอบเพลย์ออฟ ซีซั่นต่อมา เลสเตอร์ กลับมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิม

นักเตะแกนหลักของทีมยังคงอยู่ช่วยทีมต่อ จากนั้นก็มีการซื้อตัวริยาด มาห์เรซ จากสโมสรเลอ อาฟร์ เข้ามาเสริมทีม

คราวนี้เลสเตอร์ พุ่งทะยานติดปีก ความเจ็บปวดจากการแพ้เพลย์ออฟ เป็นแรงผลักดันให้นักเตะทุกคน เล่นอย่างรัดกุมกว่าเดิม และคราวนี้ พวกเขาคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นไปเลยแบบสง่างาม ไม่ต้องมาลุ้นเพลย์ออฟอะไรกันอีก

ในวันที่เลสเตอร์ ได้แชมป์แชมเปี้ยนชิพ วิชัย ประกาศสิ่งหนึ่งขึ้นมา เป็นความทะเยอทะยานของเขา

"เรามีแผนจะขึ้นไปอยู่อันดับท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก และไปเล่นยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ใน 3 ปี"

ฝรั่งที่ได้ยินตอนนั้น ขำกลิ้ง มันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว อันดับท็อปโฟร์ ทีมใหญ่ๆยังแย่งกันเหนื่อย แล้วกับเลสเตอร์ ที่เป็นน้องใหม่ จะไปทำได้อย่างไร ประธานสโมสรก็ได้แต่พูดไปเรื่อย

แต่ทว่า 2 ปี หลังจากที่วิชัยประกาศออกไป

เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจริงๆ

คราวนี้ไม่มีฝรั่งคนไหนขำออกอีกแล้ว

----------------------------------------

ฤดูกาล 2015-16 ปีที่เลสเตอร์ เป็นแชมป์

เกมสุดท้ายของฤดูกาล เลสเตอร์ ต้องไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ของเชลซี

ด้วยธรรมเนียมการต้อนรับทีมแชมป์ นักเตะของเชลซี ยืนเรียงกันก่อนเกมเริ่ม เพื่อตั้ง Guard of Honour หรือซุ้มแถวเกียรติยศ เพื่อปรบมือให้กับนักเตะเลสเตอร์ ที่เดินลงสู่สนาม

นักเตะเชลซี และแฟนบอลเชลซี ปรบมือ กันอย่างเกรียวกราวเพื่อให้เกียรติสโมสรเลสเตอร์ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในซีซั่นนั้น

วิชัย ศรีวัฒนประภา เขาเคยบอกเอาไว้

"วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้"

11 ปีต่อมา เขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ

#Thankyou
tong
Site Admin
Posts: 2386
Joined: Fri 01 May 2009 8:55 pm

Re: วิชัย

Post by tong »

เบื้องหลัง “วิชัย” กว่าจะมาเป็น “คิงเพาเวอร์” ครั้งหนึ่งภาวนาถึง “ในหลวง ร.๙” สู้กับมาเฟียฮ่องกง
เผยแพร่: 29 ต.ค. 2561 13:00 ปรับปรุง: 29 ต.ค. 2561 13:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000107830

กว่าจะเป็นมหาเศรษฐีดิวตี้ฟรี “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เคยกล่าวในนิตยสารดัง ผ่านประสบการณ์ถือหุ้นดิวตี้ฟรีฮ่องกง บุกเบิกร้านค้าปลอดภาษีแบบอินเตอร์ในไทย ครั้งหนึ่งหุ้นส่วนที่ฮ่องกงบีบให้ขายหุ้นทั้งหมด แถมเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล ภาวนาขอพระบารมี “ในหลวง ร.๙” คุ้มครอง จนสู้กับมาเฟียชนะ เปลี่ยนชื่อเป็น “คิงเพาเวอร์” เพื่อความเป็นสิริมงคลมาถึงปัจจุบัน

วันนี้ (29 ต.ค.) เว็บไซต์ Praew.com ของนิตยสารแพรว ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ในหัวข้อ “ไขความลับชีวิตของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!" หลังการเสียชีวิตของนายวิชัย เจ้าของธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีคิงเพาเวอร์ และสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จากเฮลิคอปเตอร์ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

ในตอนหนึ่ง นายวิชัยกล่าวถึงธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ว่า เริ่มจากสมัยเรียนที่ไต้หวัน สมัยนั้นไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขาบินกลับไทยตอนปิดเทอมต้องมีคนฝากซื้อของจากร้านปลอดภาษีที่ฮ่องกงทุกครั้ง จึงมีความคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีร้านปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง แต่พอทำธุรกิจจริงพบว่าต้องขอสัมปทานจากรัฐบาล และยุคนั้นให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ซึ่งการบินไทยได้ไปจึงไม่ได้คิดต่อ

ระหว่างนั้น นายวิชัยทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากประเทศไทยตั้งกำแพงภาษีสูงมาก จึงใช้วิธีติดต่อกับซัปพลายเออร์ให้จำหน่ายในราคาต่ำ จึงมีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ฮ่องกง กัมพูชา มาเก๊า จีน วันหนึ่งเพื่อนที่ทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงชวนให้ซื้อหุ้น 10% กระทั่งภายใน 2 ปีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าการบินไทยไม่ได้ทำจริงจัง แต่ให้สัมปทานกับรายอื่น ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก จึงเสนอการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ทำแบบอินเตอร์ แยกดิวตี้ฟรีกับของที่ระลึก

ขณะนั้น ทอท.เห็นด้วย แต่ยังกลัวอยู่ จึงถือสัมปทานไว้เอง แต่ว่าจ้างตนกับพาร์ตเนอร์คนไทยอีกคนไปบริหาร และใช้วิธีแบ่งตรง สักพักตัดสินใจแยกทางกัน ต่อมารัฐบาลมีโครงการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากรนอกพื้นที่สนามบิน แต่ให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น จึงชวนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ทอท.) ร่วมทุน โดยตนลงทุนทั้งหมด เลือกอาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต โดยแบ่งหุ้นให้ ททท. 10% และถือสัมปทาน 5 ปี ในชื่อ ททท.สินค้าปลอดอากร เป็นจุดเริ่มต้นที่เมืองไทยมีร้านค้าปลอดอากรในเมืองแห่งแรกในประเทศ

ภาวนาขอพระบารมี “ในหลวง ร.๙” สู้กับมาเฟียฮ่องกงชนะ

“ช่วงนั้นพอดีกับผมมีปัญหากับหุ้นส่วนที่ฮ่องกง เขาเป็นกลุ่มมีอิทธิพลอยู่ทางนั้น ผมต้องเดินทางไปพบเพื่อเจรจา ก่อนจะพบเขา ผมทำใจแล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง วินาทีนั้นผมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙) ภาวนาขอพระบารมีของพระองค์ท่านได้โปรดคุ้มครอง ขอให้สู้กับมาเฟียชนะ ตอนนั้นผมคนเดียว ฝ่ายเขามีทั้งห้อง ทุบโต๊ะถามผมว่าจะขายหุ้นทั้งหมดไหม ผมบอกขายไม่ได้ ก็เจอคำถามว่าอยากจะออกจากห้องนี้ไหม ผมบอกอยากออก แถมขู่เขาไปด้วยว่า คิดให้ดีนะ ที่เมืองไทยผมทำงานโดยใช้ชื่อว่า ททท.สินค้าปลอดอากร ซึ่งหมายถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รู้ไหมว่ารัฐบาลถือหุ้นอยู่ ก่อนที่ผมจะมาหาคุณ ผมบอกสถานทูตแล้ว ถ้าภายใน 1 ชั่วโมง ผมไม่โทร.กลับไป เขาจะส่งตำรวจมา ที่สุดหุ้นส่วนฮ่องกงต้องยอมผม พอออกมาผมก็คิดชื่อ คิงเพาเวอร์ จากนั้นทำเรื่องขอเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินธุรกิจต่อไป” นายวิชัยกล่าว

นายวิชัยยังกล่าวต่อว่า เมื่อสัมปทานไม่ได้อยู่ในมือ ความแน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อรัฐมนตรีที่กำกับดูแลให้ ททท.ทำเอง เพราะเห็นว่าคิงเพาเวอร์จะรวยเกินไป ทำให้ ททท.ไม่ต่อสัญญาและเปิดร้านค้าปลอดภาษีเองที่ศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ชั้น 7 “ผมบอกไม่เป็นไร แต่ต้องรับปากว่าจะช่วยเอาลูกน้อง 300-400 คนไปด้วย เพราะเขามีประสบการณ์ และเขาไม่ผิด ตอนแรก ททท.ตกลง แต่กลับผิดสัญญา จึงต้องต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ มีสายสัมพันธ์ และความสามารถในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส”

กัดฟันสู้-ยอมกลืนเลือด ขายของต่ำกว่าทุนเพื่อลูกน้อง

โดยร้านที่มหาทุนพลาซ่ายังคงดำเนินการต่อไป แม้ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี แต่สามารถขายของในราคาปลอดภาษีได้ เมื่อของที่ขายยังต้องเสียภาษี แต่เอามาขายในราคาปลอดภาษี ทำให้มีกำไรน้อยลงถึงขาดทุน เมื่อธนาคารจะมายึดและขู่ว่าจะฟ้อง ก็ไปเจรจาว่าผมเป็นคนไม่หนี แต่สู้ด้วยความจริง อธิบายว่าไม่ใช่ความผิดของผม แต่เป็นเรื่องที่ผมโดนแกล้ง ต้องเข้าใจกัน ทำให้ธนาคารยอมนิ่ง ตนจึงลุยต่อได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องเป็นมืออาชีพทำ ไม่ใช่แค่มีใบอนุญาตแล้วจะทำได้

ผ่านไป 1 ปี ร้าน ททท.สินค้าปลอดภาษีเจ๊ง ต้องมาขอร้องให้ซื้อกิจการ เป็นจังหวะเดียวกับรัฐบาลเปลี่ยน จึงกล่าวว่า ต้องมีเงื่อนไข ขอให้มีความซินเซีย (ความจริงใจ) ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลทีก็โดนที เมื่อตกลงกันได้จึงได้ยอมรับพนักงานของ ททท.95% มาแบบไม่มีเงื่อนไข บอกว่า “ถ้าใครจะมาอยู่กับผม ผมไม่มีความอาฆาตพยาบาท ที่ผ่านมาให้มองว่าเป็นการแข่งขัน แต่ตอนนี้เรามารวมกัน ก็ต้องสู้ไปด้วยกัน ผมไม่มีความคิดจะยุบสาขาไหน ทั้งสองสาขาคือเวิลด์เทรดชั้น 7 และมหาทุนพลาซ่า ผมเชื่อว่าสามารถจัดการเอาลูกค้ามาลงได้ ถ้าเชื่อก็มากับผม”

ต่อมา ทอท.เปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองรอบใหม่ จึงเสนอว่าทำไมไม่แยกเป็นสองราย เพราะมีอาคาร 1 อาคาร 2 เมื่อเปิดซองมาได้อาคาร 1 แต่ทำไปสักระยะพบว่า การให้สัมปทานสองราย ทำให้เกิดปัญหา เพราะเวลาลูกค้าร้องเรียนเรื่องสินค้า ไม่รู้ว่าซื้อกับเจ้าไหน ตนบอกให้ดูจากกล้องซีซีทีวีที่มี สุดท้ายฟ้องด้วยภาพว่าเป็นร้านค้าปลอดภาษีของอีกฝ่าย ทอท.จึงไม่ต่อสัญญากับอีกฝ่าย ทำให้ตนได้สัมปทานมาทำแต่เพียงผู้เดียว

เคลียร์ข้อหาผูกขาดดิวตี้ฟรี ลั่น “เราเป็นคนไทย ทำไมต้องให้ต่างชาติทำ”

เมื่อถามว่า การผูกขาดสัมปทานแต่เพียงผู้เดียวยาวนาน ทำให้คนมองว่าคิง เพาเวอร์ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทุกรัฐบาล นายวิชัยกล่าวว่า “มีหลายคนถามว่าทำไมผู้ใหญ่ชอบผม ซึ่งมาจากเขามองแล้วเหมือนผมมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจเอ็นดูผม เพราะพูดตรงไปตรงมา ไม่มีบัญชีหนึ่ง บัญชีสอง ขณะเดียวกันก็มีหลายคนอีกที่บอกว่าผมล็อบบี้เก่ง ไปคุยกับรัฐบาลไหนก็ได้ ผมอยากบอกว่าถ้าเราเป็นพ่อค้าแล้วไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักรัฐบาลเลย คนนั้นโกหกคุณ ไม่มีนักธุรกิจคนไหนนั่งอยู่เฉยๆ รอให้เขาเอาสัมปทานมาให้ แม้แต่เมื่อได้มาแล้วก็ต้องไปบอกเขาว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปที่จะคืนผลประโยชน์กลับให้ประเทศสูงสุด ซึ่งถ้าเราทำให้เขาเชื่อได้ โอกาสจึงจะมี

อย่างตอนย้ายสนามบินไปสุวรรณภูมิ ผมก็ไปประมูลสู้ แม้คู่แข่งเยอะ แต่ผมได้เปรียบ เพราะเราทำมาก่อน ระบบและคนของเรามี ความเชื่อถือจากพวกบริษัททัวร์ก็มี จำได้ ผมพูดกับรัฐบาลยุคนั้นไปตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนไทย ทำไมต้องให้บริษัทต่างประเทศทำ ถามว่าคนต่างประเทศเขามีดีกว่าเราตรงไหน ถ้าดีกว่าโดยเขาให้ผลประโยชน์มากกว่า ก็ต้องถามกลับว่าผมยังไม่ให้หรือ และถ้าผมให้มากกว่าเขาล่ะ ก็ควรจะให้สิทธิ์นี้กับผมใช่ไหม ที่สุดกรรมการพอใจกับข้อเสนอที่สูงที่สุด ดีที่สุดที่ผมให้ จึงให้สัมปทานมา ภายใต้กรอบเงื่อนไขคือผมต้องลงทุนตกแต่งพื้นที่ทั้งหมดในสุวรรณภูมิในกำหนดระยะเวลาที่สั้นมาก และต้องสวยที่สุด อีกทั้งยังต้องหาสินค้าแบรนด์ดีที่สุดมาจำหน่าย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพเท่านั้น ซึ่งผมและทีมงานก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้”

เผยเส้นทางกว่าจะเป็น “คิงเพาเวอร์” ในวันนี้

ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://story.kingpower.com/th/ ของ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า สำหรับร้านค้าปลอดภาษี คิงเพาเวอร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้รับใบอนุญาตให้เปิดตัวร้านค้าปลอดภาษีและอากรในเมืองแห่งแรกของประเทศไทยที่อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นประธานเปิด และได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2532-2537 ต่อมาในปี 2534 คิงเพาเวอร์ได้รับใบอนุญาตให้เริ่มดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีและอากรในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2534-2545

ปี 2536-2545 คิงเพาเวอร์ ได้รับสัมปทานให้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ปี 2538-2540 ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก ณ กำแพงเมืองจีน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้รับสัมปทานให้ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษีและอากรในท่าอากาศยานไคตั๊ก เขตปกครองพิเศษฮ่องกง

ปี 2540-2549 ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษีและอากรในเมือง ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และได้รับสัมปทานให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากรที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานภูเก็ต ปี 2542-2544 การบินไทยให้สิทธิ์คิงเพาเวอร์บริหารการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากรระหว่างบินบนเครื่องของสายการบิน

ปี 2549 ก่อตั้ง คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ ร้านค้าปลอดภาษีและอากรในเมืองแห่งแรกบนถนนรางน้ำ ใจกลางกรุงเทพมหานคร และได้รับสัมปทานใหญ่ในการบริหารจัดการทั้งพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากร และพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศนานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ปี 2550 ได้รับสัมปทานใหม่ในการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากรระหว่างบินบนเครื่องบินของการบินไทย

ปี 2554 คิงเพาเวอร์ ได้รับใบอนุญาตให้เปิดคิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ พัทยา ร้านค้าปลอดภาษีและอากรในต่างจังหวัด แห่งแรกของประเทศไทยทางภาคตะวันออก และสายการบินแอร์เอเชีย ให้สิทธิ์ คิงเพาเวอร์บริหารกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากรระหว่างบินบนเครื่อง ปี 2555 ได้รับสัมปทานใหม่ให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากรที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อท่าอากาศยานกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (หลังมหาอุทกภัยปี 2554) ปี 2556 ได้รับอนุญาตให้เปิด คิงเพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ ถนนวัดศรีวารีน้อย-ลาดกระบัง จ.สมุทรปราการ ถือเป็นการขยายร้านค้าครั้งล่าสุดของธุรกิจ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี

ปี 2557 คิงเพาเวอร์ เปิดร้าน เลสเตอร์ซิตี้แฟน แห่งแรกที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม และได้รับสัมปทานให้ดำเนินกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากรระหว่างบินจากสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
tong
Site Admin
Posts: 2386
Joined: Fri 01 May 2009 8:55 pm

Re: วิชัย

Post by tong »

อลัน เบอร์เชนแนล คุณปู่มาสคอตระดับตำนานวัย 73 ปี ของ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีความผูกพันกับสโมสรมาอย่างยาวนาน รวมถึงรับรู้เรื่องราวเบื้องลึกของสโมสรมาโดยตลอด ได้เปิดใจผ่าน เดลี่เมล์ สื่อดังแดนผู้ดีถึง คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรที่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา

"เมื่อตอนที่คุณวิชัย เข้ามาใหม่ๆ เขาสงสัยว่าผมเป็นใครก่อนที่จะทำความรู้จัก และความความสัมพันธ์ของเราก็ก้าวไปข้างหน้า แถมเมื่อปีที่แล้ว ผมดันเกิดหัวใจวายในงานแจกรางวัล Leicester Mercury Sports Awards ซึ่งเขาก็ดูแลผมเป็นอย่างดีเพื่อให้แน่ใจว่าผมสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ"

"โดยในช่วงที่ผมพักฟื้น เขาก็ยังใจดีกับผม ด้วยการรับ (ดีน) ลูกชายของผมเข้ามาทำงานที่สโมสร เพื่อที่จะได้ดูแลผมด้วยการขับรถพาผมไปยังสถานที่ต่างๆ และทำงานประชาสัมพันธ์ได้คล่องตัวขึ้น มันถือเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผมที่ได้รับจากสโมสรจริงๆ"

"คุณวิชัย ยังมอบช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่และภาคภูมิใจให้กับผม ด้วยการให้เกียรติเข้าร่วมในการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2016 อีกด้วย"

"ผมคิดย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 มีรถคันหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาที่สนามซ้อม เรามีการเจรจาเกี่ยวกับการซื้อสโมสร ซึ่งผู้คนในเมืองไม่ค่อยเห็นด้วย และภาวนาขอให้การเจรจาล้มเหลว, มิลาน มันดาริช เจรจากับ คุณวิชัย ก่อนบรรลุข้อตกลงด้วยดี ซึ่งผมเรียกมันว่า -ห้านาทีแห่งความมหัศจรรย์- ผมคิดไม่ผิด เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทุกอย่างในสโมสรเปลี่ยนไป

"เมื่อตอนที่เขาเข้ามา เรายังไม่มีปัญญาจ่ายแม้กระทั่งนมเพียง 1 ลัง (มันคือเรื่องจริง) ทุกคนในสโมสรยังต้องซื้อนมเพื่อมาใส่ชากินกันเอง แต่ดูปัจจุบันซิ เรากำลังคุยเกี่ยวกับการซื้อขายผู้เล่น ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 30 ล้านปอนด์ มันแทบไม่น่าเชื่อ นั่นคือความแตกต่าง และแสดงให้เห็นว่าทำไมบรรยากาศรอบๆ ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป"

"ทุกคนในโลกรู้เรื่องนี้ มันไม่ใช่ เล-เชส-เออร์ อีกต่อไป, ผู้เล่น ผู้จัดการทีม รวมถึงทีมงานทุกคนมีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์ลีก และการทะลุผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ในฟุตบอลยูฟ่า ชปล. แต่ทั้งหมดของความสำเร็จเกิดจากการวางพื้นฐานของคุณวิชัย, คุณอัยยวัฒน์ ที่มีวิสัยทัศน์มุ่งไปข้างหน้า"

"มีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า มีการปรับปรุงสนามซ้อมให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม สนามแข่งได้รับการยกระดับ ทั้งห้องแต่งตัว, ห้องสูท, ห้องอาหาร ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีขึ้นกว่าเดิม"

"มีหลายครั้งที่เจ้าของใหม่จำนวนมากที่ต้องการเปลี่ยนสีของสโมสร หรือชื่อทีม แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งที่เขาเปลี่ยนคือความคิด หรือสิ่งที่มันไม่ดีพอ"

"เมื่อตอนที่คุณวิชัยจ้างช่างเข้ามาติดตั้งแสงสีฟ้าในทางออกอุโมงค์สนาม และสีมันดันไม่ถูกต้อง เขาก็สั่งให้รื้อออกทันที อะไรก็ตามที่ไม่ดีที่สุดเขาจะไม่สนใจ เขาต้องการให้สโมสรดูดี และต้องดีที่สุด ด้วยหัวใจ และจิตวิญญาณของเขาที่นำมาสู่สโมสรทำให้ทุกคนรักเขา"

"คุณวิชัยไม่ได้เป็นผู้ชายที่ตัวสูงที่สุด แต่เขามีบุคลิกและเสน่ห์ที่เยี่ยมยอดที่สุด เขาจะอยู่ในร้านค้าของสโมสร แจกเบียร์และผ้าพันคอให้กับแฟนๆ ด้วยความเป็นกันเองทำให้หลายคนรักเขา ซึ่งแน่นอนคุณจะไม่มีทางเห็นท่านประธานสโมสรไหนเป็นแบบเขา"

"สโมสรฟุตบอลแห่งนี้เป็นหนี้บุญคุณเขามาก มรดกที่เขาทิ้งไว้ให้จะยังดำเนินต่อไป สนามฝีกซ้อมใหม่ที่มีแผนจะพัฒนาด้วยมูลค่าสูงกว่า 100 ล้านปอนด์ รวมถึงอาจมีการขยายสนามคิง เพาเวอร์"

"ทุกอย่างที่ผมกล่าวมา จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่แฟนๆ จะตอบสนองถึงการจากไปของเขามากเพียงนี้ และผมเชื่อว่าจะมีคนเดินทางมายังสนามเพื่อวางดอกไม้เป็นการอาลัยถึงเขาจนเต็มบริเวณอย่างแน่นอน" คุณปู่ที่ยังคงทำงานที่สโมสรกล่าว
tong
Site Admin
Posts: 2386
Joined: Fri 01 May 2009 8:55 pm

Re: วิชัย ศรีวัฒนประภา

Post by tong »

อาถรรพ์ศาลหลักเมืองคอน วิบากกรรมเสี่ยวิชัย คิงพาวเวอร์
https://www.youtube.com/watch?v=A9IZarCeNUo


เปิดชีวิตเสี่ยงๆ "เจ้าสัววิชัย" ชาวโซเชียลฯ โยง อาถรรพ์ "มหานคร" | 30 ต.ค.61 | เจาะลึกทั่วไทย
https://www.youtube.com/watch?v=cTA59PpCFUE


"เจ้าคุณธงชัย" กับความลี้ลับของ "คิงเพาเวอร์สเตเดียม" | Springnews
https://www.youtube.com/watch?v=l_HfTNhxpVs
Post Reply